A : ต้องขอบอกว่า ”ไม่เสมอไปครับ” แต่ประเด็นก็คือว่า หากกินหวานมากๆเป็นประจำก็จะอ้วน ตามมาด้วยไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ ฟันผุ เป็นต้น และโรคที่ตามมาจากความอ้วนหนึ่งในนั้นก็คือเบาหวาน ดังนั้นเราควรกินหวานแบบพอดีๆ แล้วออกกำลังกายสม่ำเสมอก็เป็นการเผาผลาญพลังงานได้เช่นกัน

A : ในระยะแรกผู้ป่วยเบาหวานมักจะไม่รู้ตัวว่าเป็นเบาหวาน อาการที่พอจะสังเกตได้ คือ ปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ ปัสสาวะเป็นฟอง ตามัว หิวบ่อย อ่อนเพลียไม่มีแรง เวลาเป็นแผลแล้วแผลจะหายช้า เป็นต้น

ถ้าอาการหนักหน่อย อาจจะมีอาการชาตามปลายมือ ปลายเท้า หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์ด่วน ซึ่งอาการเหล่านี้เริ่มอาจจะไม่แสดงมากมาย เราจึงควรดูแลตนเองโดยการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี คุมอาหารและออกกำลังกายอยู่เสมอ

A : อาจเป็นเพราะภาวะร่างกายขาดน้ำหรือเริ่มมีน้ำตาลต่ำ จะทำให้เกิดอาการ วิงเวียน อ่อนเพลีย ใจสั่น หัวใจเต้นแรง ซึ่งการดื่มน้ำแดงหรือน้ำหวาน จะทำให้น้ำตาลจากน้ำหวานดูดซึมไปเป็นพลังงานได้ค่อนข้างไว จึงนิยมนำมาให้ดื่มกันครับ

A : เบาหวานเป็นต้นเหตุสำคัญของอีกหลายๆโรคได้ เช่น โรคหลอดเลือดในสมองและหัวใจตีบตัน ไตวาย ไตเสื่อม จอประสาทตาเสื่อม ระบบประสาทชา เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และอาจมีโรคอื่นๆแทรกซ้อนได้

A : หากไม่สามารถคุมอาการเบาหวานได้ อาจทำให้หลอดเลือดส่วนปลายอุดตัน และเส้นประสาทเสื่อมทำเกิดบาดแผลได้ง่ายกว่าปกติ โดยเฉพาะที่บริเวณปลายเท้า หากไม่ได้รับการรักษาที่ทันท่วงที แผลอาจติดเชื้อและลุกลาม “จนจำเป็นต้องตัดเท้าหรือส่วนนั้นได้”

สรุปก็คือ : การกินหวานแต่พอดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ตรวจสุขภาพวัดปริมาณน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ ก็จะห่างไกลเบาหวานและโรคอื่นที่จะตามมาได้ ทั้งนี้ผู้ที่เป็นเบาหวานแล้วให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดด้วยนะครับ

ด้วยความปรารถนาดีจากโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน

#เป็นไข้ให้เขตร้อนดูแล #โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน #มหาวิทยาลัยมหิดล